Tasmania 3 วัน 2 คืน 🇦🇺 ขับรถเที่ยวบนเกาะแทสมาเนีย

✈️🚗 “ขับรถเที่ยวกันเองบนเกาะ Tasmania 3 วัน 2 คืน” 📍🌸

จุดเริ่มต้นที่เมืองซิดนีย์ NSW, Australia เหมียวกับเพื่อนร่วมทริปอีกสองหนุ่ม (จริงๆ ควรจะเป็นสามหนุ่ม แต่อีกคนดันป่วย เดินทางไม่ไหว 😭😭😭 เสียใจอย่างแร๊งส์) เพื่อนร่วมทริปสองหนุ่มครั้งนี้ เป็นเพื่อนตั้งแต่สมัยเรียนวิศวะที่เมืองไทยหนึ่งคน อีกคนเป็นหุ้นส่วนเพื่อนที่ทำธุรกิจด้วยกัน หนุ่มๆ เปิดโรงเรียนสอนแต่งหน้าที่เมืองไทย ใครสนใจแนะนำนะจ๊ะ อุดหนุนเพื่อนเหมียวด้วย โรงเรียนดี มีมาตรฐานนะ…จะบอกให้ https://www.mua.ac.th แป๊ะลิ้งค์ไปตามต่อกันเอาเอง ทั้งสองหนุ่มนี้ คนแรกอายุแตะเลข 5 อีกคนบอกก่อนว่าเลยเลขนี้ไปล่ะ… 😘😅 ดังนั้น ทริปนี้เราไปกันเรื่อยๆ เอาเท่าที่ไหว เดี๋ยวกลับมารอบหน้าจะขอลุยกว่านี้หน่อย

1️⃣วันแรก

✈️ ขึ้นเครื่องตอน 6 โมงเช้า ด้วยสายการบิน Jetstra เป็นสายการบินภายในประเทศ ราคาวันนั้น $266 ต่อคนสำหรับไปกลับ Sydney-Hobart (16-18 Oct 2019) เราไปรับหนุ่มๆ จากโรงแรมกันตั้งแต่เช้ามืด ก่อนตี 5 และแต่ละคนสภาพยังไม่พร้อมกับการเดินทางสักคน 😅 เหมียวขับรถไปจอดทิ้งไว้ที่สนามบินนะ เพราะไปแค่ไม่กี่วัน และไปรับหลายคน เช้ามืดหารถยากด้วย คำนวณแล้วเอารถไปจอดคุ้มกว่าเยอะ 😘 ไปกันหลายคน แนะนำว่าคุ้มจ้าาา

Note: แนะนำให้ถ่ายรูปจุดที่จอดรถไว้ด้วยนะ ไปหลายวันกลับมาอาจจะงงๆ ว่า รถอยู่หนายยยย

ราคาค่าโดยสารก็พอรับได้ ไม่มีอาหารบริการบนเครื่อง แต่ก็ช่างเถอะ เพราะเราขึ้นเครื่องปั๊บ หลับจ้าาา ดังนั้นไม่ใช่ปัญหาของเรา คนอื่นไม่รู้ อิ อิ และขอบอกว่า… 😴😴😴 นอนยาววว 2 ชั่วโมง สะดุ้งตื่นอีกทีตอนล้อเครื่องบินแตะพื้นอย่างแรงส์ 😂😂😂 คือเป็นคนที่โชคดีมาก เพราะขึ้นเครื่องทีไร หลับไม่รู้เรื่องเลย❗️❗️❗️

  • 6.00-7.50 โมงเช้า ระยะเวลาในการเดินทาง 2 ชั่วโมงโดยประมาณ

🚗 ไปถึงก็ไปรอรับกระเป๋า และรับรถที่เช่าไว้ทางออนไลน์ ครั้งนี้เราใช้ Bargain Car Rental ราคาน่ารัก เพราะเป็นรถเล็ก 3 วัน ราคา $75 ไม่รวมประกันรถ

อยากบอกว่า สนามบิน Hobart เล็ก และ น่ารัก เดินทางง่าย สะดวกมากๆ เลย หาอะไรก็ง่ายม๊ากกก เพราะมันเล็กสุดๆ เมืองไทยเราน่าจะทำแบบนี้จริงๆ เพราะตามต่างจังหวัดบางที่ ใหญ่กว่ามาก แต่ประโยชน์ใช้สอย มันไม่คุ้มเลย🔥🔥🔥

  • สนามบินชั้นเดียว ทุกอย่างเรียงหน้ากระดาน แต่กว้างขวางและสะดวกสบายมากๆ

🔥 อากาศหนาวเย็นตลอดทั้งปี คนไทยเราแนะนำว่าเตรียมเสื้อผ้ากันหนาวมาเถอะนะ เพราะอากาศที่นี่จะเย็นกว่าซิดนีย์แบบครึ่งๆ เลย ยิ่งพอขึ้นเขาอยากบอกว่า มันหนาวม๊ากกก เหมือนจะหน้าหนาวตลอดเวลา แม้ว่าตอนที่เราไปเที่ยวกันจะเป็นฤดูใบไม้ผลิก็เถอะ ❄️🌧💨

🏔 เมื่อรับรถเรียบร้อยแล้ว จุดหมายแรกที่ต้องการจะไป คือ St Clair Lake เป็นทะเลสาบกลางหุบเขา ขับรถกันอย่างยาวนานนน ร่วม 3 ชั่วโมง เพราะเราแวะไปเรื่อยยยย 😜😜😜 เส้นทางก็ไม่ได้ยากอะไรมาก ขับรถง่าย มีช่วงที่เป็นเขาชันบ้าง แต่ก็ไม่ได้น่ากลัวอะไร รถเล็กสามารถไปได้ สิ่งที่เห็นจนเกิดความแปลกใจคือ น้ำ!!! ใช่จ๊ะ น้ำเยอะมากกกก คือมีแหล่งน้ำเยอะแบบรู้สึกแปลกใจจริงๆ แตกต่างจากแผ่นดินใหญ่สุดๆ แผ่นดินใหญ่หาแหล่งน้ำแทบจะไม่เจอ แต่ที่แทสมาเนีย แม่น้ำบนภูเขามีตลอดเส้นทาง และมีท่อส่งน้ำขนาดใหญ่ที่คอยส่งน้ำลงด้านล่างเพื่อการใช้สอย เสียดายที่เหมียวเป็นคนขับรถ และพาเพื่อนมาเที่ยว มีหลายจุดที่เหมียวอยากจอดแวะ อยากลงไปถ่ายรูป แต่ไม่ค่อยสะดวกเพราะเรามากันหลายคน สไตล์การเที่ยวก็คนละแบบ เอาไว้คราวหน้ามาคนเดียว จะแวะจอดให้คุ้มทุกเส้นทางเลย

🔥 ต้องบอกถึงความตั้งใจแรกก่อนว่า เหมียวตั้งใจอยากจะไป Cradle Mountain ตรงจุดที่ Dove Lake ทางฝั่งเหนือ แต่ด้วยความที่ไม่เคยไปแทสมาเนียมาก่อน เลยไม่รู้ว่าที่ Cradle Mountain นี้มีหลายจุดมาก เหมียวดันขับรถขึ้นเขาทางด้านใต้ มาจาก Hobart ซึ่งจุดที่เราไปถึงดันเป็น St Clair Lake เป็นอีกจุดที่สวยและอยู่คนละฝั่งของภูเขา สามารถเดินทางถึงกันได้ แต่ระยะเวลาเท่าที่เรามี คือ ไม่พอจริงๆ เอาไว้คราวหน้าเนอะ

ระหว่างทางเราก็แวะเตรียมน้ำดื่ม เราแวะปั๊มน้ำมัน Coles Express ซื้อน้ำดื่มแพค 24 ขวด เตรียมพร้อมสำหรับ 3 วัน ราคา $8 งงมาก❗️ เพราะราคาถูกว่าซิดนีย์อีก ปกติที่ซิดนีย์แพ็คขนาดนี้คือราคา $11 (มานั่งคิดอีกที คิดว่าคงเป็นเพราะที่แทสมาเนีย น้ำเยอะมั้ง ไม่ขาดแคลนเหมือนแผ่นดินใหญ่) แนะนำให้ซื้อเป็นแพ็คใหญ่ๆ นะคะ ถ้ามากันหลายคนและมีพื้นที่ในการขนย้าย ราคาน้ำเปล่าต่อขวดที่ออสเตรเลียแพงกว่าเบียร์กระป๋องเมืองไทยอี๊ก (อันนี้ลูกทัวร์บางคนบอกมา เหมียวเองไม่ดื่มเบียร์ ไม่รู้เหมือนกันว่าราคาเท่าไหร่) แต่ถ้าใครอยากประหยัด สามารถรองน้ำดื่มได้ตามก๊อกน้ำทั่วไปที่มีให้ตามที่สาธารณะหรือจากที่พักตามโรงแรมได้ แต่เพราะครั้งนั้นไปกับเพื่อนๆ จากเมืองไทย เขาไม่คุ้นเคยการดื่มน้ำก๊อก เหมียวเลยซื้อเป็นขวดให้แทน

เราขึ้นไปถึงยอดเขา ทะเลสาบกันวันนั้นช่วงบ่าย พอไปถึงก็ได้รู้ว่า ฉันมาผิดจุด เฮ้ยยย 😅😅😅 แต่จะว่าไปก็สวยแปลกตาไปอีกแบบ เหมียวเองถ้าเที่ยวคนเดียว จะไม่คิดอะไรมาก ไม่เคยคาดหวังว่าที่ที่กำลังจะไป จะสวยไหม จะดีไหม คือ ไปเพราะไม่เคยไป ไปเพราะเป็นที่ที่แปลกใหม่สำหรับเรา คิดแค่นี้จริงๆ เวลาออกเดินทาง ส่วนเราจะได้อะไรระหว่างทางนั่นอีกเรื่องหนึ่ง ค่อยว่ากันหลังจบทริป 😘

เมื่อไปถึงเราก็ต้องแวะเข้าไปจ่ายค่าธรรมเนียมการเดินทางในอุทยานก่อนเนอะ ราคา $24 ต่อรถเล็กหนึ่งคัน ราคานี้คิดเป็นต่อคันนะ ไม่ใช่ต่อคน เรียบร้อยแล้วก็เดินเล่น สำรวจพื้นที่รอบๆ เอาแบบไม่ไกล เดินง่าย ไหวสำหรับทุกคน เพราะเราแค่อยากมาชมธรรมชาติ บริเวณรอบๆ St Clair Lake นี้ จะมีทางเดินแบบใกล้แบบไกล เลือกเอาตามสะดวกนะคะ ธรรมชาติก็จะแปลกๆ หน่อย เพราะอากาศหนาวเย็น ต้นไม้รอบๆ ก็จะดูแห้งๆ ดูขาวๆ ถ้ามาหน้าหนาวก็จะได้เห็นหิมะปกคลุมแบบขาวๆ สวยๆ เหมือนเมืองนาร์เนีย ใครยังงงๆ ก็หาหนังเรื่องนี้ดูกันเนอะ จะได้เข้าใจ

🎈พิกัด: 520 Lake St Clair Rd, Lake St Clair TAS 7140

❗️❗️❗️Note: ใส่เสื้อผ้าหน้าหนาวด้วยนะ เพราะมันหนาวมากกก แถมด้วยอย่าลืมจ่ายค่าเข้าอุทยาน ราคา $24 ต่อรถเล็ก 1 คัน ราคาสอบถามได้ที่เจ้าหน้าที่ได้เลยจ้าาา การท่องเที่ยวอุทยานที่ออสเตรเลีย เราควรที่จะจ่ายค่าธรรมเนียมนะ เจ้าหน้าที่อาจจะไม่ได้ตั้งด่านทุกที่ ต้องเดินเข้าไปจ่ายที่จุดแนะนำ Information Centre และเอามาวางแป๊ะหน้ารถเอาเอง มีบ้างบางครั้งที่จะตรวจบ้างหรือไม่ตรวจบ้าง ถ้ามีการตรวจเจอว่าไม่จ่ายค่าธรรมเนียม ค่าปรับเดี๋ยวตามมาทีหลัง อย่าคิดว่าจะไม่โดน ใครที่เช่ารถ ค่าปรับก็ปรับตามบัตรเครดิตที่ให้ไว้กับทางบริษัทเช่ารถแหล่ะ อย่าคิดลักไก่เลย ค่าปรับแพง!!! ค่าใช้จ่ายที่เราจ่ายไปก็เพื่อเป็นค่าบำรุงรักษาธรรมชาติ เพื่อโลกของเราเนอะ

🍔 หลังจากที่เดินป่ากันมาร่วมชั่วโมง ท้องก็ต้องร้องเป็นธรรมดา เพราะเรายังไม่ได้กินอะไรกันเลยตั้งแต่มาถึงแทสมาเนีย แวะหาอะไรกินระหว่างทาง ที่จุด Information Centre มีร้านอาหารนะคะ อาหารดูแล้วน่าทานมากกก แต่ราคาต้องทำใจหน่อยนะ โหดใช้ได้เลย ซึ่งเราขอประหยัดไว้ก่อน เผอิญว่าเห็นมีร้านอาหารก่อนเข้ามาอยู่ร้านหนึ่ง ราคาน่าจะพอรับได้ 😅

The Hungry Wombat Cafe ร้านนี้เป็นร้านอาหารฝรั่งแบบง่ายๆ ราคาถูกกว่าร้านข้างในนิดหน่อย เมนูมี Fish & Chips, Burger ธรรมดาเลย แต่เอาน่ากินเพื่ออยู่ไปก่อน สงสารแต่เพื่อนร่วมทริปที่ดูท่าจะไม่ชอบกินอาหารฝรั่ง แต่ก็ต้องทนเอา เพราะหิวมากกก แนะนำหากใครไม่ไหวกับอาหารฝรั่ง ให้เตรียมของไทยๆ เราไปด้วย เพราะตามชนบทหาของเอเซียกินไม่ได้เลย ❗️❗️❗️และแน่นอนบนเขาแบบนี้ มีร้านอาหารสักร้านก็ดีใจมากแล้ว

จบการเดินทางที่ผิดคาดผิดจุดไปหน่อย แต่เรายังไม่หยุด เวลาก็ใกล้มืดนะ แต่ยังอยากไปต่อ เลยมองดูที่แผนที่ที่เจ้าหน้าที่ให้มา เลือกมาสักที่ตามเส้นทางที่จะกลับเข้าเมือง เราเลือกกันที่ Russell Falls

🌴 ยังคงอยู่ในป่า แต่คนละอารมณ์มากๆ เราแวะกันที่ Russell Falls (Mt Field Visitor Centre, 66 Lake Dobson Rd, Mount Field TAS 7140 ) จุดนี้ไม่ได้อยู่ในแพลนการเดินทางครั้งนี้ เพราะไม่มีการแนะนำ หรือรีวิวสถานที่ท่องเที่ยวนี้เท่าไหร่ ยกเว้นว่าเมื่อมาถึงที่นี่แล้ว🔥 เป็นความประทับใจมากๆ เหมียวชอบที่นี่มากเลย เดินทางง่ายถ้ามาจากเมือง Hobart สวย เขียว เดินง่าย เด็ก คนแก่ หรือแม้แต่คนที่นั่งรถเข็น คือ สะดวกมากๆ เหมียวมาถึงที่นี่ห้าโมงเย็นกว่าๆ แล้ว เจ้าหน้าที่กลับบ้านล่ะ ไม่มีคนอยู่ แต่ด้วยว่าไหนๆ ก็มาแล้วขอสำรวจหน่อยเถอะ ที่นี่เปิด 24 ชั่วโมงนะคะ ใครสะดวกเวลาไหนก็มาได้เลย แค่ไม่มีไฟเท่านั้นเอง คุณต้องเตรียมแสงสว่างมาเองนะจ๊ะ บริเวณรอบๆ มีจุดสำหรับตั้งแคมป์ได้ด้วยนะ มีห้องน้ำให้ สะดวกใช้ได้เลย

Russell Falls มีน้ำตกหลายจุดมาก เหมียวไปได้แค่จุดเดียว ที่ใกล้กับ Informational Centre เพราะใกล้มืดมากแล้ว และเราไม่มีไฟฉายเตรียมมา ตามทางเดินที่ปูเป็นปูนเพื่อให้ง่ายกับการเดิน มีต้นไม้น้อยใหญ่ที่เขียว มีมอสขึ้นปกคลุมทั่ว แตกต่างจากด้านบนสุดๆ มีจุดที่สามารถมาส่องหิ่งห้อยตอนกลางคืนได้ด้วยนะ มีโอกาสเหมียวจะกลับมาส่อง เคยไปส่องมาที่ Gold Coast, QLD อันนั้นอยู่ในถ้ำ รู้สึกว่ามันไม่สุดเหมือนเราไปตามหาเองตามธรรมชาติ เพราะครั้งนั้นมีการสร้างเพื่อนักท่องเที่ยว

Note:

  • บางครั้งสถานที่ที่เราไม่คาดหวังอะไรมาก กลับเป็นสถานที่ที่ทำให้เราประทับใจมากที่สุด ซึ่งที่ Russell Falls เป็นอีกที่หนึ่ง ที่อยากบอกว่า สวยม๊ากกก แนะนำอย่างแร๊งส์ ว่าทุกคนควรมาสักครั้งถ้ามาเที่ยว Hobart ❣️❣️❣️
  • National Park นี้ เราสามารถเดินได้ตลอด 24 ชั่วโมง บริเวณใกล้ๆ กัน สามารถพักค้างคืนได้ หากใครมีเต้นท์ หรือใช้รถบ้าน แนะนำนะ เพราะมีทุกอย่างไว้บริการเลย พักใกล้ๆ จะได้ไปส่องหิ้งห้อยตอนกลางคืนด้วยไง 😘

🏡 เดินทางกันมาทั้งวัน ก็ถึงเวลาที่เราต้องเข้าที่พัก พักผ่อนได้แล้ว ทริปนี้ เราพักกันแถว Sandy Bay ชุมชุนที่ไม่ไกลจากตัวเมือง Hobart, Tasmania เลย บ้านพักไม่ไกลจากร้านค้า เดินออกมาจากบ้านไม่ถึง 100 เมตร ก็เจอทั้งร้านอาหาร และร้านขายของชำ ชุปเปอร์ต่างๆ บ้านพักมี 2 ชั้น 2 ห้อง มี 4 เตียงนอน เอาจริงๆ ถ้ามาเยอะกว่านี้และมีที่นอน สามารถนอนข้างล่างได้อีกนะ เพราะกว้างมาก เรื่องที่นอนลองคุยกับเจ้าของบ้านดู ไม่งั้นก็หาอะไรปูนอนง่ายๆ ยังได้เลย ที่พักเราจองผ่าน Airbnb มีครัวให้ได้ทำอาหาร อุปกรณ์พร้อม เหมาะมากสำหรับคนที่มาเป็นครอบครัว หรือกลุ่มเพื่อน เพราะสามารถทำอาหารทานเองได้ ประหยัดเงินในกระเป๋าไปเยอะเลย

Note: Supermarket ในเมืองนี้มีอาหารเอเชียขายแทบจะทุกอย่าง ไม่ต้องขนมาให้หนักกระเป๋านะจ๊ะ เยอะจริงๆ ราคาไม่แพงกว่าที่ซิดนีย์หรอก 🍜🥗🍱 แถมด้วยวิวที่บอกเลยว่าเริสมากกก Mt Wellington

2️⃣วันที่สอง

⛰ เริ่มต้นวันใหม่ วันนี้ตั้งใจจะขึ้นเขา ไปชมวิวที่จุดชมวิว ที่ใกล้เมืองมากๆ ใครมา Tasmania ก็ต้องไปสัมผัสทุกคน Mount Wellington หรือในภาษาท้องถิ่นเรียกว่า Kunanyi เป็นจุดชมวิวที่สวยม๊ากกก แนะนำว่าทุกคนต้องมาสักครั้ง แต่❗️❗️❗️ ไม่รู้ว่ายังไง เพราะทุกการรีวิวจะบอกว่า ครั้งแรกที่ขึ้นไป วิวไม่เคลียร์ ฟ้าไม่เปิด แต่พอขึ้นไปครั้งที่สอง ทุกคนจะได้เห็นวิวที่ชัดเจนมาก 🔥 อันนี้เรื่องจริงอ่ะ บอกเลย เพราะเหมียวเองก็ต้องขึ้นไปทั้งสองวันที่เหลือ

วันนี้เราขึ้นมาถึงยอดประมาณ 10 โมงเช้า แต่ฟ้าไม่เปิดให้เราเห็นวิวเลย จะมีโอกาสเห็นได้บางช่วงที่ลมพัดเมฆหมอกออก ไม่เกิน 1 นาที และที่สำคัญ คือ อากาศเย็นมากกก คือเย็นจริงๆ วันนี้ คือ 3 องศา แต่ความรู้สึกมันคือติดลบ❄️❄️❄️ แต่ดีที่ไม่มีลมให้หนาวกว่าเดิม

❄️❄️❄️ ใครที่คิดจะขึ้นมา แนะนำว่า ให้ใส่เสื้อผ้า มีหมวก ถุงมือ ทุกอย่างต้องพร้อมมากๆ คิดดูว่าทริปนี้เราไปกันหน้าใบไม้ผลิ กำลังจะเข้าหน้าร้อน แต่อากาศที่ Hobart คือเย็นมาก บนยอดเขา คือ หน้าหนาวชัดๆๆๆ แต่ไปเถอะ สักครั้ง มันสวยจริงๆ

📍 พิกัด: Kunanyi / Mount Wellington, LOT 1 Pinnacle Rd, Wellington Park TAS 7054

🏛 หลังจากที่เราลงมาจากยอดเขาประมาณ 11 โมงเช้า เราก็แวะเติมน้ำมันที่ปั๊มบ้านๆ ที่มีแค่คุณป้า ที่หน้าตาแอบจะขี้โมโหนิดๆ เป็นเจ้าของร้าน พร้อมสามีที่ทำอู่ซ่อมรถในบริเวณเดียวกัน บรรยากาศแบบชนบทมากๆ ทั้งที่อยู่ในตัวเมือง Hobart แต่ทุกคนยังคงเก็บรายละเอียด การใช้ชีวิตแบบเดิมๆ ปั๊มน้ำมันก็แบบเดิมๆ ซึ่งมีเสน่ห์และแตกต่างจากเมืองอื่น ทำให้นักท่องเที่ยวได้รับความต่าง และอยากมาสัมผัสสักครั้ง

หลังจากเติมน้ำมันเสร็จเรียบร้อย เราก็พร้อมออกเดินทางไกล เราจะขึ้นเหนือไปเรื่อยๆ โดยจะผ่านเมือง Campbell Town เพื่อไปยังเมือง Launceston

ระหว่างทางจะมีวิวที่แปลกตาให้เราได้ชม และบางช่วงที่เราขับผ่านไร่ดอก Canola (ช่วงเมือง Ross) จะเป็นทุ่งกว้างมาก และจะมีที่แวะที่รถสามารถแวะจอดได้ แนะนำว่าให้แวะจอดถ่ายรูปตรงจุดที่เขาจัดไว้ให้เลย เพราะเขาจัดไว้แค่จุดเดียวเท่านั้น ถ้าขับเลยไปแล้ว คือจะไม่ที่ให้แวะอีก และไม่แนะนำให้จอดข้างทาง เพราะถนนแคบ รถขับกันเร็วมาก อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่ายๆ อีกทั้ง ❌❌❌ ห้ามเข้าไปถ่ายรูปในไร่เขานะ แค่ถ่ายรูปตรงจุดที่เขาจัดไว้ให้ก็พอแล้ว

จากเมือง Ross ขับขึ้นเหนือมาอีกนิดหน่อยก็ถึงเมือง Campbell Town เมืองเล็กๆ เป็นที่พักระหว่างการเดินทางระหว่างเมือง Hobart และ Launceston มีจุดแนะนำที่ไม่ควรพลาด ต้องแวะเยี่ยม คือ

  • Red Bridge สะพานข้ามแม่น้ำบนถนนเส้นหลักที่ใช้แรงงานนักโทษจากอังกฤษ สร้างขึ้นในปี 1836 ที่ยังคงสภาพที่ดีมาก ยังคงใช้งานได้จนถึงปัจจุบัน มีการปรับปรุงพื้นด้านบนบ้าง แต่ส่วนข้างของสะพานยังคงเป็นของเดิมที่สร้างไว้
  • Convict Brick Trail เป็นอิฐแดงที่วางเรียงบนถนนสายหลักในเมืองด้านหน้าสวน The Grange, Valentine Park บนอิฐแดงนั้นจะมีรายชื่อของนักโทษที่มาจากประเทศอังกฤษ เป็นผู้ที่มีส่วนอย่างมากในการสร้างเมืองๆ นี้ เวลาที่เราเดินไปและเห็นรายชื่อของคนกลุ่มนี้ เหมือนเราได้ย้อนอดีต ได้ระลึกถึงสิ่งที่พวกเขาเหล่านั้นสร้างไว้

Note: เมืองนี้เป็นเมืองทางผ่าน ระหว่างเมือง Hobart และ Launceston ปัจจุบันผู้คนมักใช้เป็นจุดพักรถระหว่างทาง เพราะบริเวณ Red Bridge Park เหมาะกับการแวะจอดพักผ่อน ปิกนิค ทานอาหารระหว่างทาง มีม้านั่งและที่จอดรถกว้างขวาง มีห้องน้ำไว้ให้บริการ

หลังจากที่เดินทางมากันมาหลายชั่วโมง 🌸 และแล้ว… ที่ๆ วันนี้เราตั้งใจที่จะไปเยี่ยมก็ถึงสักที ไร่ลาเวนเดอร์จ้าาา เรามาถึงที่ไร่กันเวลาประมาณบ่าย 3 โมงเย็น และฤดูนี้ต้องบอกก่อนว่าดอกลาเวนเดอร์เพิ่งจะเริ่มแตกกอนะจ๊ะ ยังไม่มีอะไรให้เราชื่นชมหรอก แต่เหตุที่เรามาเพราะเพื่อนเหมียวมาเที่ยวช่วงนี้ ไหนๆ ก็มาแล้วเลยคิดว่าแวะไปทักทายสักหน่อย โอกาสหน้าค่อยมาใหม่อีกที วิวที่ได้ก็สวยอยู่น๊าาา แถมคนไม่เยอะด้วย

ที่ไร่ Bridestowe Lavender Estate, 296 Gillespies Rd, Nabowla TAS 7260 ที่นี่ใครๆ ก็ให้คะแนนว่าสวยกว่าที่ไหนๆ ที่เคยไปมา 💋💋💋 แต่ยอมรับจริงๆ ว่าวิวสวยมาก แม้ต้นลาเวนเดอร์ยังไม่มีดอกเลย แต่สวยยย วิวดี เพื่อนบอกสวยกว่าที่ญี่ปุ่นอีก เขาเคยไปมา อันนี้เหมียวเองก็ไม่รู้เหมือนกัน เพราะยังไม่เคยไปที่ญี่ปุ่น เลยไม่มีภาพในหัวให้เปรียบเทียบ

ที่นี่มีร้านอาหาร และร้านของฝากให้เราได้ซื้อของฝากติดไม้ติดมือกันด้วยนะ สินค้าจากทางร้าน จริงๆ มีร้านย่อยตามแหล่งช้อปปิ้งในตัวเมือง Hobart ทุกที่ แม้แต่ในสนามบินก็มีขาย ราคาเท่ากัน แม้ราคาอาจจะสูงไปสักนิด แต่ด้วยสินค้าที่มีเอกลักษณ์ คนที่ชื่นชอบก็ไม่น่าจะแพงอะไร แต่ใครที่แค่อยากมาทักทายก็ไม่เป็นไรหรอก มาถ่ายรูปสวยๆ เก็บภาพเก๋ๆ ไว้โพส IG ก็พอจ๊ะ ประหยัดตังค์

Note: ช่วงเดือนตุลาคม ไม่มีดอกลาเวนเดอร์ให้เราได้ชื่นชม เพราะยังร้อนไม่พอ ต้นยังไม่แตกมากเลย แต่ด้วยบรรยากาศ และธรรมชาติที่อยู่ตรงหน้า วิวยังสวย และทำให้เราประทับใจอยู่ดี 🌸 🌸 🌸 อีกอย่างคนก็น้อยด้วย เดินเล่นถ่ายรูปได้ชิลๆ แถมหากไม่ใช่เดือนธันวาคม มกราคม ค่าเข้าชมไร่ก็ฟรีด้วยนะจ๊ะ ซึ่งดีงามพระรามเก้าเลยจ้า 💋💋💋 ห่างจากเมือง Launceston ประมาณ 45 นาทีนะจ๊ะ ใครจะไปเยี่ยมชม แนะนำว่าให้เผื่อเวลากันด้วย

หลังจากเราเดินเล่น ถ่ายรูปชมวิว และเดินสำรวจไร่กันเป็นชั่วโมง ก็ถึงเวลาเดินทางกลับ เพราะเราต้องเดินทางอีกอย่างน้อยๆ 3 ชั่วโมง ระหว่างทาง ก่อนมืดค่ำ เราก็แวะถ่ายรูปสวยๆ เก็บบรรยากาศตามริมทาง ทั้งวิวธรรมชาติ และวิวที่มนุษย์สร้างขึ้น ระหว่างทางกลับเราก็จอดรถ แวะถ่ายรูปเก๋ๆ กันที่เมือง Ross ที่มีฉากหลังเป็นทุ่ง Canola หรือภาษาไทยเรียก ดอกผักกาดก้านขาว สีเหลืองเต็มทุ่ง มีความสูงต่ำ ดูสวยม๊ากกก 🌸🌸🌸

🏡 เรากลับเข้าบ้านพักกันสองทุ่มกว่า แต่โชคดีที่ฤดูนี้ ท้องฟ้ายังสว่าง มีแสงทำให้ไม่รู้สึกว่าดึกอะไร กินข้าว พักผ่อน และเราจะลุยกันต่ออีกวัน

3️⃣วันที่สาม (วันสุดท้ายของทริปนี้)

⛰ ด้วยความเหนื่อยที่เราสะสมกันมาหลายวัน (จริงๆ ทริปนี้ เราเที่ยวกันทั้งหมด 10 วัน ที่เมืองอื่นก่อนหน้า) เราเลยตกลงว่าเราจะขึ้นเขา ไปชมวิวกันอีกครั้งที่ Mt Wellington ในช่วงสายๆ เผื่อว่าวิวจะดีกว่าเมื่อวาน

ประมาณ 11 โมงเช้า เราไปถึงที่ยอดเขา เราเลือกที่จะขึ้นไปสายสักหน่อย เพราะเราต้องการที่จะเห็นวิวเมือง และเป็นอะไรที่ดีใจมากๆๆๆ เพราะฟ้าเปิด ท้องฟ้าสดใส บรรยากาศดีสุดๆ เราสามารถเห็นวิวเมือง Hobart ทั้งเมืองจากยอดเขานี้

แต่… ❄️💨❄️ ลมแรงมากกก และหนาวจริงๆ แม้จะมีแสงแดด แต่บอกได้คำเดียวว่าสุดๆ ใครที่จะไป ต้องเตรียมตัวกันให้พร้อม ทุกชุดที่ใส่ควรจะเป็นชุดสำหรับหน้าหนาวจริงๆ แม้ข้างล่างจะชิล แต่ไม่ใช่สำหรับข้างบนเลย แนะนำว่าชุดกันลมจะดีที่สุด

Note: ใครไม่อยากขับรถขึ้นเขาเอง แนะนำว่ามากับทัวร์ก็ได้นะจ๊ะ ทางขึ้นเขาอาจจะชันบ้าง แต่ขับไม่ยาก แค่ต้องระวังสักหน่อย เพราะบางช่วงก็แอบหวิวๆ ในสั่นเหมือนกัน ด้วยว่าเป็นถนนริมเขา โล่งๆ ไม่มีต้นไม้เลย แอบมีความน่ากลัวหน่อยๆ สำหรับคนไม่ชอบความสูงเหมือนเหมียว 😅

ไปชมรูปที่เอามาอวดดีกว่า บอกเลยว่าสวยยยยย 💋💋💋

เราใช้เวลาที่นี่ประมาณ 1 ชั่วโมง เราก็เดินทางลงเขาเพื่อเดินเล่น ชมเมือง Hobart ในมุมต่างๆ

เริ่มจากระหว่างทางลงเขา เราแวะกันที่ Cascade Brewery ที่นี่เหมาะสำหรับคนที่ชอบดื่มเบียร์เป็นหลัก เพราะที่นี่เป็นแหล่งผลิตเบียร์รสนุ่ม และมีทัวร์ที่พาชมการผลิต พร้อมส่งท้ายด้วยการให้ชิมเบียร์ 4 ชนิดอีกด้วย หรือใครไม่อยากเดินทัวร์ ก็สามารถมานั่งทานอาหาร ดื่มเบียร์ชิวๆ ได้ทั้งวัน 💋💋💋 แถมวิวดีม๊ากกก แอบบอกว่าโรงผลิตเบียร์มีความเป็นปราสาทเก่าๆ อารมณ์เหมือนปราสาทท่าน เคาท์ แดร๊คคูล่า มากเลย

เสร็จจากแวะทักทายท่าน เคาท์ เรียบร้อย เราก็ต่อด้วยแถวๆ Salamanca Market, Salamanca Pl, Hobart TAS 7001 เป็นที่ที่ใครก็มาเดินเล่น ชมวิวตลาด และหาของกินกัน ถ้าในซิดนีย์ก็อารมณ์ไปเดินเล่นแถวตลาด Paddy’s Market ส่วนเมลเบิร์นก็อารมณ์ Queen Victoria Market อะไรแบบนั้น

ทริปนี้เราเน้นเอาเท่าที่ไหว เพราะอีกสองหนุ่มเดินกันแทบขาลาก เที่ยวกันจนเบื่อ ตลอดระยะเวลา 10 วันของการมาเที่ยวออสเตรเลีย บอกเลยว่าคุ้มจนแทบอ้วกเลย 💋💋💋

✈️🚗✈️ หลังจากที่ชมเมืองกันจนทั่ว ก็ถึงเวลากลับซิดนีย์ เที่ยวบินที่เราบินกลับ ก็เช่นเคย Jetstra Airline เดินทาง 2 ทุ่ม ถึงซิดนีย์เกือบๆ 4 ทุ่มโดยประมาณ อากาศที่แทสมาเนียมีความแปรปรวนทุกวัน เพราะเช้าวันนี้อากาศดีมาก แต่ตอนที่เราเดินทางกลับ มีฝนตก ไม่รู้มาจากไหนกัน ยังดีที่ไม่รุนแรงจนทำให้การเดินทางล่าช้าออกไป

และทริป Tasmania 3 วัน 2 คืน ก็จบลงด้วยความสนุก และเหนื่อยล้ากันไป แล้วมาติดตามกันในทริปต่อๆ ไปน๊าาา 💋💋💋

✈️🚗✈️ #urtimetravel #ur_time_travel #มาม่ะเดี๋ยวเหมียวพาเที่ยว #hobart #sydney #australia #mtwellington #BridestoweLavenderEstate #russellfalls #Launceston

Advertisement

ใส่ความเห็น

Fill in your details below or click an icon to log in:

WordPress.com Logo

You are commenting using your WordPress.com account. Log Out /  เปลี่ยนแปลง )

Twitter picture

You are commenting using your Twitter account. Log Out /  เปลี่ยนแปลง )

Facebook photo

You are commenting using your Facebook account. Log Out /  เปลี่ยนแปลง )

Connecting to %s

%d bloggers like this: